เทคโนโลยี

[รีวิว] iPhone 14 Plus

ไม่ได้มีดีแค่จอใหญ่แต่สิ่งที่อยู่ภายในก็โดดเด่นไม่แพ้กัน

หลังจากที่เราได้บอกมุมมองที่เกี่ยวกับ iPhone 14 Pro Max ไปเรียบร้อยแล้ว มาในครั้งนี้เราจะมาพูดถึงอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับการเปิดตัวออกมาอีกครั้งภายในปีนี้ นั่นก็คือ iPhone 14 Plus เอาใจคนอยากเปิดประสบการณ์ใช้รุ่นที่หน้าจอใหญ่ขึ้นมาจากเดิมรุ่นปกติ 6.1 นิ้วเปลี่ยนมาเป็น 6.7 นิ้วแทน ว่าแต่นอกจากขนาดหน้าจอที่เปลี่ยนแปลงไป จะมีอะไรที่น่าสนใจภายในเครื่องรุ่นนี้กันอีกบ้าง เราไปหาคำตอบกันเลย

Design

การออกแบบของ iPhone 14 Plus หรือเราจะพูดว่าทุกรุ่นที่ได้ทำการเปิดตัวออกมาภายในปีนี้ลักษณะภายนอกมีความคล้ายคลึงกันเกือบทั้งหมด อย่างไรก็ตามเราพอจะมองเห็นจุดต่างได้ไม่ยากนัก

image 813
image 814

สิ่งที่ iPhone 14 Plus ยังคงความเป็น Apple เอาไว้คงหนีไม่พ้นเรื่องของการใช้งานหน้าจอที่มีรอยบากเช่นเดิม ขณะที่หากใครเลือกรุ่น Pro จะมีการเปลี่ยนแปลงไปใช้งาน Dynamic Island แทน

image 815
image 816

ในเรื่องของการเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนคงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากในปีที่แล้วเราไม่มีรุ่น Plus เปิดตัวออกมา ฉะนั้นหากจะเทียบในเรื่องของอัตราส่วนของตัวเครื่องจำเป็นที่จะต้องนำไปเทียบกับ Pro Max แทน ซึ่ง iPhone 14 Plus มาพร้อมกับอัตราส่วน 160.8 x 78.1 x 7.8 มิลลิเมตร ด้าน iPhone 14 Pro Max มีอัตราส่วน 160.7 x 77.6 x 7.85 มิลลิเมตร หากมองผ่าน ๆ จะพบว่าตัวเครื่องดูไม่ได้แตกต่างกันมากนัก

image 817
image 818

อย่างไรก็ตามในส่วนของน้ำหนักตัวเครื่องเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่น่าจะเป็นการตัดสินใจเพื่อซื้อได้ไม่น้อย เนื่องจาก iPhone 14 Plus มาพร้อมกับน้ำหนัก 203 กรัม ขณะที่ iPhone 14 Pro Max มีน้ำหนักอยู่ที่ 240 กรัม ถามว่าส่วนต่าง 37 กรัม รู้สึกได้หรือไม่ ต้องตอบตรงนี้เลยว่าต่างกันชัดเจน หากใครที่อยากได้เครื่องที่จอใหญ่แต่น้ำหนักไม่มากจนเกินไป ถือใช้งานเป็นเวลานานได้ไม่รู้สึกเมื่อยเท่าไหร่ iPhone 14 Plus จะได้เปรียบในส่วนนี้

image 819

สำหรับวัสดุรอบตัวเครื่องแม้จะไม่ใช่รุ่นท็อปสุดแต่ในทุก ๆ รุ่นจะได้รับมาตรฐานการเลือกใช้งานแบบเดียวกันไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแบบ Ceramic Shield หรือบอดี้แบบอะลูมิเนียมซึ่งมั่นใจได้ว่าจะช่วยให้เราสามารถใช้งานเครื่องได้ในทุกสถานการณ์ไม่ต้องกังวลนัก ด้วยมาตรฐาน IP68

image 820

อีกหนึ่งจุดตัดสินที่ทำให้ตัวเครื่องมีความแตกต่างจากรุ่น Pro หนีไม่พ้นเรื่องของจำนวนกล้องหลัง ที่ใน iPhone 14 Plus มาพร้อมกับกล้องหลัง 2 ตัวด้วยกัน ขณะที่รุ่น Pro มีมาให้ 3 ตัว เลนส์ที่ขาดหายไปคือ Telephoto ซึ่งการขาดหายไปของเลนส์ดังกล่าวอาจไม่ส่งผลกระทบกับการใช้งานในการถ่ายภาพโดยรวมนัก อย่างไรก็ตามที่จะส่งผลกระทบเป็นเรื่องของความละเอียดของกล้องหลักที่จะยังคงไว้ที่ 12 MP ขณะที่รุ่น Pro อยู่ที่ 48 MP

Display

นอกเหนือจากข้อแตกต่างที่เราได้กล่าวถึงในข้างต้น เรื่องของหน้าจอเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจน เนื่องจาก iPhone 14 Plus สิ่งที่ขาดหายไปและเราจะไม่มีทางหาได้อย่างแน่นอนคือจอ ProMotion ที่จะทำให้หน้าจอสามารถแสดงผลได้ที่ refresh rate 120Hz ฉะนั้นจอที่เราจะได้รับในตัวเครื่องจะเป็นมาตรฐานเดิมที่มีมาคือ 60Hz

image 821

อีกหนึ่งสิ่งที่หายไปคือการแสดงผลแบบ Always-on-Display ในจุดนี้หากใครที่เคยใช้งานสมาร์ทโฟนที่มีฟีเจอร์ดังกล่าวมาให้จะต้องเป็นคนที่ตัดสินใจเอาเองว่าชอบหรือไม่ แต่ส่วนตัวที่ได้ลองใช้งานพบว่ามันไม่ได้จำเป็นอะไรขนาดนั้นและหากเป็นไปได้จะทำการปิดฟีเจอร์ดังกล่าวเอาไว้เลย

image 822

นอกจาก 2 อย่างที่เรากล่าวมาแล้วยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่หายและอาจจะไม่ได้ทันสังเกตคือเรื่องของความสว่างของหน้าจอ ถามว่าต่างกันตรงไหนในส่วนนี้เราจะยกตัวเลขจากทาง Apple มาให้ได้เห็นกันของ iPhone 14 Plus ประกอบไปด้วย ความสว่างสูงสุด 800 นิต (ทั่วไป) และ ความสว่างสูงสุดเฉพาะจุด 1,200 นิต (HDR) ส่วน iPhone 14 Pro Max มาพร้อมกับตัวเลข ความสว่างสูงสุด 1,000 นิต (ทั่วไป) ความสว่างสูงสุดเฉพาะจุด 1,600 นิต (HDR) และ ความสว่างสูงสุดเฉพาะจุด 2,000 นิต (กลางแจ้ง)

image 823

จากข้อมูลที่เราได้ยกมาคงสังเกตได้ไม่ยากว่าในเรื่องของความสว่างหน้าจอหากเป็นการใช้งานในอาคารหรือสภาวะปกติจะไม่แตกต่างกันมากนัก อย่างไรก็ตามจุดที่ขาดหายไปอย่างเรื่องของการเพิ่มความสว่างในพื้นที่แจ้ง iPhone 14 Plus จะขาดในส่วนนี้ไป แต่ถามว่าการใช้งานจริงจากที่ได้ทดสอบมาพบว่าไม่ได้น่าเกลียดขนาดนั้น ยังอยู่ในระดับที่สามารถใช้งานได้

image 824
image 825

ในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่ iPhone 11 สำหรับผู้ใช้งานที่อยากจะได้เครื่องที่มีหน้าจอขนาดใหญ่จำเป็นที่จะต้องเลือกรุ่น Pro Max เพียงอย่างเดียว แต่การมาถึงของ iPhone 14 Plus จะช่วยตอบโจทย์ในจุดนี้ได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าราคาของตัวเครื่องไม่ได้ถูกเหมือนรุ่น mini แต่สำหรับใครที่อยากได้จอ 6.7 นิ้ว แต่ไม่อยากจ่ายส่วนต่างขนาด 12,000 บาท สามารถจ่ายเพิ่มอีก 5,000 บาท เพื่อมาเลือกรุ่นนี้ได้แทน

Performance

สำหรับสเปคภายในของ iPhone 14 Plus เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้มีความต่างจากรุ่น Pro เนื่องจากตัวเครื่องมีการใช้งานชิปเซ็ตรุ่นเดิมอย่าง Apple A15 Bionic ขณะที่รุ่น Pro ใช้งานเป็น A16 อย่างไรก็ตามแง่บวกที่เราพอจะมองได้คือชิปเซ็ตที่ใช้งานภายในเครื่องเป็นแบบเดียวกันกับที่ใช้งานภายใน iPhone 13 Pro ฉะนั้นวางใจได้เรื่องของประสิทธิภาพในการใช้งาน

image 826
image 827

การทดสอบเราจะนำมาเทียบกับ iPhone 14 Pro Max, iPhone 13 Pro Max และ iPhone SE 2022 เพื่อที่จะทำให้ทุกคนได้เห็นถึงความต่างของชิปเซ็ตที่อยู่ภายในไม่ว่าจะเป็น A16, A15 และ A15 รุ่นปกติที่ใช้งานภายใน iPhone SE 2022 (รวมถึง iPhone 13 รุ่นปกติ) ซึ่งผลการทดสอบเป็นไปตามกราฟด้านบนที่เรายกมา

image 828
image 829

ผลการทดสอบเป็นไปตามที่เราสามารถคาดเดาได้ไม่ยาก iPhone 14 Plus ในภาพรวมมีประสิทธิภาพที่เทียบเท่ากับ iPhone 13 Pro Max เนื่องจากมีการใช้งานชิปเซ็ตแบบเดียวกัน ขณะที่ iPhone 14 Pro Max มีคะแนนที่ทิ้งห่างออกไปพอตัว ส่วน iPhone SE 2022 อาจจะไม่สามารถเทียบกันได้โดยตรงเนื่องจากมีปัจจัยเรื่องของแรมและชิปเซ็ตที่แม้จะ A15 เหมือนกันแต่มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต่างกัน

การเล่นเกมถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นรุ่นที่มาพร้อมกับชิปเซ็ตรุ่นใหม่ แต่นั่นอาจเป็นหนึ่งในข้อดีช่วงแรกของการวางจำหน่ายก็เป็นได้เพราะบทพิสูจน์ของชิปเซ็ต A15 มีมาแล้วหนึ่งปีเต็ม การทดสอบในเกม Genshin Impact, PUBG Mobile และ RoV พบว่าสามารถที่จะเล่นได้อย่างไม้มีปัญหา อาจจะมีข้อยกเว้นสำหรับเกมที่ไม่น่าจะอยู่ในสมาร์ทโฟนอย่าง Genshin Impact เอาไว้หนึ่งเกมที่มีบางช่วงเฟรมตกลงไปบ้าง แต่ไม่ได้น่าเกลียดนัก (แน่นอนว่าบางคนอาจจะบอกว่าราคาเครื่องขนาดนี้กระตุกได้ยังไงกัน !) เพื่อให้เห็นภาพเราให้ทุกคนไปตัดสินกันจากคลิปทดสอบด้านล่างกันด้วยตัวเองเลยดีกว่า

image 830

ส่วนการใช้งานร่วมกับ iOS 16 เนื่องจากตัวเครื่องของ iPhone 14 Plus ไม่ได้มาพร้อมกับ Dynamic Island ทำให้จุดเด่นที่เราจะนำมาพูดถึงกันในส่วนนี้คงต้องข้ามกันไป แต่การปรับแต่งหน้าจอหรือสิ่งอื่น ๆ ที่มีให้เล่นยังสามารถปรับแต่งได้เช่นเดิม

Battery

แบตเตอรี่ของ iPhone 14 Plus เช่นเดิมว่าเราจะบอกเล่าจากประสบการณ์การใช้งาน การใช้งานลักษะเดียวกันกับครั้งที่เราได้บอกไปใน iPhone 14 Pro Max คือการใช้งานตัวเครื่องเพื่อนำทางเวลาขับรถ และเปิดใช้งานโซเชียล ค้นหาข้อมูลทั่ว ๆ ไป พร้อมเข้าเกมประจำวันเพื่อทำภารกิจเริ่มต้น 100 เปอร์เซ็นต์ เวลาตี 5 ตกเที่ยงแบตเตอรี่ลดลงมาเหลือราว 70 เปอร์เซ็นต์ ห้วงเวลาในส่วนนี้เป็นการใช้นำทางราว 1 ชั่วโมง ตัดภาพมาช่วง 6 โมงเย็น แบตเตอรี่ยังคงเหลือ 45 เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นพอจะบอกได้ว่าสามารถใช้งานได้ข้ามวัน โดยเฉพาะหากไม่มีการใช้นำทางสามารถบวกเวลาได้ยิ่งขึ้นไปอีก

image 831

Camera

หากใครที่จะซื้อเครื่องมาเพื่อใช้งานการถ่ายภาพเป็นหลักเราคงไม่สามารถที่จะแนะนำได้ ยิ่งหากต้องการความเป็นที่สุดยิ่งแล้วใหญ่ อย่างไรก็ตามหากใครต้องกรกล้องที่สามารถหยิบขึ้นมาถ่ายได้ง่าย ๆ ไม่ต้องปรับแต่งอะไรเท่าไหร่นัก iPhone 14 Plus ที่มาพร้อมกับกล้องหลัง 2 ตัวความละเอียด 12 MP พร้อมเลนส์ Ultrawide นับว่าตอบโจทย์ได้เช่นกัน เรื่องของการซูมอาจจะทำได้เพียงแค่ 5 เท่าแบบดิจิทัล แต่เหมาะสมกับองค์ประกอบที่ให้มา ส่วนโหมด ProRAW ไม่มีให้ใช้งาน อย่างไรก็ตามกล้องหน้าสามารถที่จะบอกได้ว่าการถ่ายภาพไม่ต่างจากรุ่น Pro

image 832
image 833
image 834
image 835

โหมดการถ่ายวิดีโอสามารถที่จะใช้งานได้ไม่ต่างจาก iPhone 14 Pro Max ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโหมด Action ที่ช่วยเพิ่มความไหลลื่นในการถ่ายลดอาการสั่นสะเทือน เช่นดียวกับโหมดภาพยนตร์รองรับความละเอียดสูงสุด 4K HDR 30fps ที่หายไปมีเรื่องของโหมด ProRes และโหมดที่เกี่ยวข้องกับมาโคร

Conclusion

image 836

บทสรุปของ iPhone 14 Plus ต้องบอกว่าตัวเครื่องมีการออกมาเจาะกลุ่มผู้ใช้งานเฉพาะกลุ่มค่อนข้างชัดเจน คือผู้ใช้งานที่ต้องการใช้งาน iPhone ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว ไม่ได้เป็นเจ้าของ iPhone 13 ในปัจจุบัน ตอบโจทย์การใช้งานของตัวเองได้ชัดว่าต้องการความเป็น Apple มั่นใจเรื่องของระบบการใช้งานในระยะยาว รุ่นนี้จะเป็นคำตอบของคุณได้เป็นอย่างดี ด้วยราคาเริ่มต้น 37,900 บาทในรุ่นความจุ 128GB ขยับมาที่ความจุ 256GB ราคา 41,900 บาท สุดท้ายความจุ 512GB ราคา 50,900 บาท ส่วนตัวหากให้เลือกคุ้มสุดคงหนีไม่พ้นรุ่นเริ่มเนื่องจากมีส่วนต่างที่ชัดเจนจาก Pro Max นั่นเอง

ข้อดี

– วัสดุรอบตัวเครื่องที่ยังคงมาตรฐานความเป็น Apple ได้ดี

– หน้าจอรองรับการแสดงผล HDR10 และ Dolbt Vision

– ชิปเซ็ตยกยอดตัวแรงสุดของรุ่นก่อนมาให้ใช้งาน

– เสียงจากลำโพงให้คุณภาพออกมาครบถ้วนและดัง

– กล้องอยู่ในระดับสามารถใช้งานได้พร้อมโหมดการทำงานที่ไม่รู้สึกว่าขาดหาย

– แบตเตอรี่อยู่ได้ข้ามวัน

ข้อสังเกต

– ไม่มี ProMotion ทำให้ยังอยู่กับการแสดงผลแบบ 60Hz ต่อไป

– รอยบากที่ยังคงดำเนินต่อไป

– แม้จะเป็นรุ่นใหม่แต่ไม่ได้ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุด

– กล้องความละเอียด 12 MP อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการซูมหนัก

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง Apple ที่ได้ทำการส่ง iPhone 14 Plus มาให้เราทำการทดสอบกันใครที่สนใจสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ตาม Apple Store, ช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ และร้านค้าไอทีชั้นนำทั่วไป

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อสินค้าได้ที่ : https://www.apple.com/th/iphone-14

Artherlus

แค่คนทั่วไปที่หลงใหลในวงการไอที
Back to top button